สํานวนภาษาอังกฤษโดนๆ คมๆของวัยรุ่น
It's been driving me nuts.
(Nuts ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าสารพัดถั่ว แต่อย่างใด)
ประโยคนี้หมายถึง "ผม/ดิฉัน/ชั้น/(กรู) จะบ้าตายแล้วเนี่ยะ....ประสาทจะกินแล้ว"
เป็นต้น
"ประโยคนี้หมายถึง "ผม/ดิฉัน/ชั้น/(กรู) จะบ้าตายแล้วเนี่ยะ....ประสาทจะกินแล้ว"
เป็นต้น
สำนวน "ลืมไปเลย(อ่ะ)" ทั่วๆ ไปก็คงจะใช้ประโยคว่า I totally forget about it.
แต่วันนี้ขอแนะนำสำนวนเจ๋งๆไปใช้แทนประโยคธรรมดาๆ ข้างต้นนั้นก็คือ "Slipped my mind."
ตัวอย่างเช่น
Oh, I forgot to call my boyfriend that I couldn't come to see him this
evening since I was really busy all day. He'll be mad at me. It just slipped my mind.
ตายแล้ว..ฉันลืมโทรไปบอกแฟนชั้นว่าฉันไปเจอเค้าเย็นนี้ไม่ได้ เพราะชั้นงานยุ่งตลอดทั้งวันเลย..เค้าต้องโมโหฉันมากแน่ๆ เลย ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลยจริงๆ..
สำนวนภาษาอังกฤษ "Get on someone case"
สำนวน "อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน" ไปแล้ว ซึ่งหนึ่งในวลีที่แนะนำไปก็คือ Get off my case
สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำสำนวนตรงกันข้ามก็คือ
"Get on someone case"
ซึ่งหมายถึง การวิพากษ์ วิจารณ์ ตำหนิ ติเตียน ในปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น
My girlfriend will get on my case, if I don't show up on time.
แฟนสาวฉันจะอาละวาด (จัดการ หรือเล่นงาน) ฉันแน่ ถ้าฉันไปไม่ทันตามเวลานัด
My boss is getting on my case about the project.
เจ้านายฉันกำลังใส่ (กำลังวิพากษ์วิจารณ์/ตำหนิติเตียน) ฉันอยู่เกี่ยวกับโครงการนี้
I screwed up! หรือจะใช้ I messed up! ก็ได้
สำนวนนี้ใช้เวลาเราทำอะไรไม่เข้าท่า หรือทำอะไรผิดพลาดไป หรือทำให้เรื่องบางเรื่องหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นออกมาพังไม่เป็นท่า นั่นเอง
หรือ It's been driving me crazy. ก็ได้ครับ
สำนวนภาษาอังกฤษ "อย่ามายุ่งเรื่องของกู"
สำนวนภาษาอังกฤษที่เรานำมาใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการให้คนอื่นมายุ่งวุ่นวายเรื่องของเรา โดยที่เราไม่ต้องการก็คือ
It is none of your business.
ความ หมายก็ประมาณว่า เฮ้ย นี่ไม่ใช่ธุระกงการ อะไรของแก..อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน (เรื่องของ ก สระอู...) ได้ไหม..(ว่ะ) หรือ อย่ามา (ส สระ เอือ ก. ไก่) นั่นเอง
ส่วนอีกสำนวนหนึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นั่นคือ Get off my case. (ประมาณว่า แก..อย่ามายุ่งเรื่องของฉ๊าน...ได้ไหม)
ซึ่งน้ำหนักจะเบากว่าประโยคแรกนิดนึง..อาจเอาไปใช้กับเพื่อนร่วมงาน หรือ คนสนิทได้.. แต่ประโยคแรกออกจะโหดๆ หน่อย..
สำนวนภาษาอังกฤษ "ขอฉ้าน...แจม ด้วยคน"
มีคนถามว่าจะพูดว่า นี่ๆ ฉันขอแจมงานนี้ หรือขอมีเอี่ยว (กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง)ด้วยคนได้ปล่าว.. จะพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร...
สำนวนง่ายๆ ก็คือ Count me in!
ถ้าแปลทื่อๆ ก็ นับฉันรวมด้วยคนซิ
ถ้าแปลแบบไทยๆ ก็ ขอชั้นแจมด้วยคน ขอฉันมีเอี่ยวหน่อยน๊า...
เช่น
Who wanna go to Bird concert next month?
ใครอยากไปดูคอนเสิร์ตป๋าเบิร์ดบ้างจ้ะ เดือนหน้า
ตะโกนไปเลย
Count me in!...
ขอแจมด้วยคน .........................(โวีย ว่ะ นะครับ นะจ้ะ)
เลือกคำลงท้ายตามอัธยาศัยจ้า
สำนวนภาษาอังกฤษ "(ฉัน ผม กรู และอื่นๆ) ลืมไปเลย อ่ะ
It is none of your business.
ความ หมายก็ประมาณว่า เฮ้ย นี่ไม่ใช่ธุระกงการ อะไรของแก..อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน (เรื่องของ ก สระอู...) ได้ไหม..(ว่ะ) หรือ อย่ามา (ส สระ เอือ ก. ไก่) นั่นเอง
ส่วนอีกสำนวนหนึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นั่นคือ Get off my case. (ประมาณว่า แก..อย่ามายุ่งเรื่องของฉ๊าน...ได้ไหม)
ซึ่งน้ำหนักจะเบากว่าประโยคแรกนิดนึง..อาจเอาไปใช้กับเพื่อนร่วมงาน หรือ คนสนิทได้.. แต่ประโยคแรกออกจะโหดๆ หน่อย..
สำนวนภาษาอังกฤษ "ขอฉ้าน...แจม ด้วยคน"
มีคนถามว่าจะพูดว่า นี่ๆ ฉันขอแจมงานนี้ หรือขอมีเอี่ยว (กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง)ด้วยคนได้ปล่าว.. จะพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร...
สำนวนง่ายๆ ก็คือ Count me in!
ถ้าแปลทื่อๆ ก็ นับฉันรวมด้วยคนซิ
ถ้าแปลแบบไทยๆ ก็ ขอชั้นแจมด้วยคน ขอฉันมีเอี่ยวหน่อยน๊า...
เช่น
Who wanna go to Bird concert next month?
ใครอยากไปดูคอนเสิร์ตป๋าเบิร์ดบ้างจ้ะ เดือนหน้า
ตะโกนไปเลย
Count me in!...
ขอแจมด้วยคน .........................(โวีย ว่ะ นะครับ นะจ้ะ)
เลือกคำลงท้ายตามอัธยาศัยจ้า
สำนวนภาษาอังกฤษ "(ฉัน ผม กรู และอื่นๆ) ลืมไปเลย อ่ะ
Hang in there!
อย่ายอมแพ้ หรือ สู้ๆ ในภาษาไทยนั่นเอง
สำนวนตรงกันข้ามก็คือ Give up นั่นเอง
Mellow out! ใจเย็นๆ หรือ Calm down
ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป หรืออีกวลีหนึ่งก็ take a chill pill.
"chew out"
ประโยคตัวอย่างเช่น I just got chewed out! ผมเพิ่งโดน "ด่า" มา
"To jump on the bandwagon" ทำตามกระแส
เช่น Have you jumped on the iPhone 4 wagon yet? นี่เธอซื้อไอโฟน 4 แล้วหรือยัง..ซึ่งเป็นกระแสฮิตในขณะนี้นั่นเอง
"No sweat!" ก็คือ "No big deal"
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือ ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญอะไรเท่าไหร่
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือ ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญอะไรเท่าไหร่
"Dream on!"
ฝัน(ลมๆ แล้งๆ) ต่อไป (เอาไว้พูดประชดใครบางคนที่ชอบเพ้อเจอก็ได้นะครับ)
"Get over it!"
ทำใจเห๊อะ (อาจเอาไว้ปลอบคนอกหักก็ได้)
"Never mind!"
ช่างมันเห๊อะ (ลืมๆ ไปซะ) อย่าไปคิดใส่ใจให้รก ขมอง เลย..
"Don't have a cow!"
อย่าไปมีวัวเลย..อ่า ล้อเล่นครับ ล้อเล่น ความหมายจริงๆ คือ อย่าไปสติแตก ร้อนรน เกินเหตุ หรือในอีกวลีนึงก็คือ "Don't freak out!"
"Hang up" แขวนนวม
เช่น I won't hang up learning English. (ไม่มีวันที่ฉันจะยอมแพ้หรือเลิกเรียนภาษาอังกฤษร๊อก..)
Let's get some grub!
ไปหาอะไรรองท้อง หรือไปหาอะไรกินกันดีกว่า
Let's go catch a flick!
ไปดูหนัง (ตามโรงหนัง) กันเหอะ
She's a fox!!!
หล่อนเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ (สวย) เอาไว้ใช้จีบสาวฝรั่งผมบลอนด์ได้เลยนะครับ
"is a drag" น่าเบื่อ เช่น Doing gardening on the weekend is a drag!
การที่ต้องมานั่งทำสวน ดายหญ้า ช่วงวันหยุดนี้มันช่างแสนน่าเบื่อเสียกระไร
Where's your pad? Pad นี่ไม่ได้เกี่ยวกั้บ iPad หรือ เบาะ แต่อย่างใด
แต่ความหมายของคำถามนี้จริงๆ แล้วก็คือ แก เอ๊ย..คุณพักอยู่แถวไหน หรือที่พักคุณอยู่ที่ไหนนั่นเอง
Nuts! ปกติแล้วแปลว่าถั่ว แต่ถ้าในรูปประโยค Are you nuts?
จะหมายถึง เฮ้ย แกจะบ้าเหรอ? นี่เธอสติแตกไปแล้วเหรอ? (ที่จะทำบางสิ่งบางอย่างหลุดโลกไม่เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าทำกัน)
cheesy stuff! เรื่องน้ำเน่า อาทิเช่น Stop doing cheesy stuff now!. It's time to learn English ประมาณว่า
เฮ้ยเลิกทำอะไร งี่เง่า ไร้สาระได้แล้ว ถึงเวลาเรียนภาษาอังกฤษแล้ว..
ฝัน(ลมๆ แล้งๆ) ต่อไป (เอาไว้พูดประชดใครบางคนที่ชอบเพ้อเจอก็ได้นะครับ)
"Get over it!"
ทำใจเห๊อะ (อาจเอาไว้ปลอบคนอกหักก็ได้)
"Never mind!"
ช่างมันเห๊อะ (ลืมๆ ไปซะ) อย่าไปคิดใส่ใจให้รก ขมอง เลย..
"Don't have a cow!"
อย่าไปมีวัวเลย..อ่า ล้อเล่นครับ ล้อเล่น ความหมายจริงๆ คือ อย่าไปสติแตก ร้อนรน เกินเหตุ หรือในอีกวลีนึงก็คือ "Don't freak out!"
"Hang up" แขวนนวม
เช่น I won't hang up learning English. (ไม่มีวันที่ฉันจะยอมแพ้หรือเลิกเรียนภาษาอังกฤษร๊อก..)
Let's get some grub!
ไปหาอะไรรองท้อง หรือไปหาอะไรกินกันดีกว่า
Let's go catch a flick!
ไปดูหนัง (ตามโรงหนัง) กันเหอะ
She's a fox!!!
หล่อนเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ (สวย) เอาไว้ใช้จีบสาวฝรั่งผมบลอนด์ได้เลยนะครับ
"is a drag" น่าเบื่อ เช่น Doing gardening on the weekend is a drag!
การที่ต้องมานั่งทำสวน ดายหญ้า ช่วงวันหยุดนี้มันช่างแสนน่าเบื่อเสียกระไร
Where's your pad? Pad นี่ไม่ได้เกี่ยวกั้บ iPad หรือ เบาะ แต่อย่างใด
แต่ความหมายของคำถามนี้จริงๆ แล้วก็คือ แก เอ๊ย..คุณพักอยู่แถวไหน หรือที่พักคุณอยู่ที่ไหนนั่นเอง
Nuts! ปกติแล้วแปลว่าถั่ว แต่ถ้าในรูปประโยค Are you nuts?
จะหมายถึง เฮ้ย แกจะบ้าเหรอ? นี่เธอสติแตกไปแล้วเหรอ? (ที่จะทำบางสิ่งบางอย่างหลุดโลกไม่เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าทำกัน)
cheesy stuff! เรื่องน้ำเน่า อาทิเช่น Stop doing cheesy stuff now!. It's time to learn English ประมาณว่า
เฮ้ยเลิกทำอะไร งี่เง่า ไร้สาระได้แล้ว ถึงเวลาเรียนภาษาอังกฤษแล้ว..
Nobody's perfect!!
ตรงกับสำนวนไทยว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ (หรอกเพื่อน)
"Once in a blue moon" หรือ "Every once in a while"
สำนวนนี้หมายถึง นานๆ ที เช่น I go to Phuket once in a blue moon.
"What goes around, comes around."
อาจารย์อดัม บอกว่าสำนวนนี้ฝรั่ง(อเมริกัน) ใช้กันบ่อยทีเดียว ซึ่งมีความหมายว่า กงกรรมกงเกวียน
A big mouth จะใช้พูดถึงคนขี้นินทา ปากสว่างนั่นเอง อาทิ Don't tell anything with Tim, she has a big mouth.
นี่เธอ อย่าไปบอกเรื่องนุ้นี่นั่นกับยัยติ๋มหล่ะ ยัยนี่ปากสว่าง ตัวแม่เลยนะเธอ
He's got hook-ups!
หมายถึง (อ้ายนี้) มันเส้นใหญ่ หรือหมายถึงมีเส้นมีสาย รู้จักคนใหญ่คนโตนั่นเอง เอ๊..จะเกี่ยวกับรถซิวิค คันนั่นหรือปล่าวน้อ..
Toot your own horn!
เป่าแตรตัวเอง กันดีกว่า ..เอ๊ย..ไม่ใช่ๆ วลีนี้ตรงกับสำนวนไทยว่า ยกหางตัวเอง หรือประเภทยกยอปอปั้นตัวเอง นั่นเอง
Just a sec!
ก็ประมาณว่า รอแป๊บ หรือ รอเดี๋ยวนะ ซึ่งจะดูเป็นกันเองกว่าใช้วลีที่ว่า One moment please (รอซักครู่ค่ะ/ครับ)
Hit me up tomorrow!
โทรหา (ฉัน, กรู, ผม ดิฉัน ฯลฯ) ด้วย วันพรุ่งนี้ เห็นอาจารย์อดัมว่า ฝรั่งพูดบ่อยกันทีเดียว
สำนวนภาษาอังกฤษ An early bird VS A night owl
An early bird หมายถึงคนที่ชอบตื่นมาทำอะไรแต่เช้า เช่น มาทำงานแต่เช้า ถึงที่ทำงานแต่เช้า เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
I am an early bird and I like to arrive early at work every morning.
ฉันเป็นคนประเภทตื่นมาทำอะไรแต่เช้า และฉันชอบมาทำงานแต่เช้าทุกวัน
A night owl หมายถึง คนที่ชอบอยู่ทำนุ้น นี่ นั่น จนดึกๆ ดื่นๆ ตีหนึ่ง ตีสอง ตีสาม เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
Tom is a night owl and he loves to stay up late at night. He said he has more concentration at night time.
ทอมเป็นที่ชอบอยู่ดึกดื่น เค้าบอกว่าเค้ามีสมาธิมากในช่วงเวลากลางคืน
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อย A Lot, Lots Of, A Lot Of
A Lot, Lots Of, A Lot Of
ทั้งสามคำมีความหมายว่า มาก จำนวนมาก ปริมาณมาก และส่วนใหญ่นำมาใช้กับภาษาที่ไม่เป็นทางการ
หลักหรือวิธีการใช้มีดังนี้
Lots Of, A Lot Of
ทั้งสองวลีนี้จะมีการวางตำแหน่งไว้ก่อนหน้า คำนามนับได้ และคำนามนับไม่ได้ ซึ่งใช้กับภาษาอังกฤษในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ
ตัวอย่างเช่น
We need a lot of people for this game.
Prem has lots of foreign friends.
A Lot
แต่เราใช้ A Lot วางไว้ในตำแหน่งท้ายประโยคในฐานะ adverb และจะต้องไม่มีคำนามต่อท้าย
ตัวอย่างเช่น
I enjoy studying English language a lot.
They like Phuket a lot.
Bob seems to travel a lot.
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อย Two vs. To vs. too
Two vs. To vs. too ทู ทู ทู ทั้งสามคำออกเสียงเหมือนกัน หรือในภาษาไทยเรียกว่าคำพ้องเสียงนั้นเอง วันนี้เราจะมาพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่าง 3 คำดังนี้
Too หมายถึง อีกด้วย หรือ "also" นั่นเอง ซึ่ง Too มักวางไว้ในตอนท้ายของประโยค นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อชี้ถึงปริมาณ (สิ่งของหรืออื่น) ในจำนวนที่มากเกินไป
ยกตัวอย่างเช่น:
Besides English, I think we should learn Chinese language, too.
Mercedez Benz is too expensive for me!
-------------------------------------
Two เป็นตัวเขียนของเลข 2
ยกตัวอย่างเช่น:
I've just bought two round-trip tickets from Bangkok to Singapore.
Prem has two brothers and a sister.
-------------------------------------
ส่วนคำว่่าTo นั้น มักใช้ในฐานะคำบุพบท (preposition) และยังใช้ในฐานะเป็น infinitive form ของคำกริยา อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น:
I bought this car to fix up and sell.
I donated my own laptop to a poor student.
สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้ Money is no object.
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา...เรื่องเงินไม่มีปัญหาหรอก...
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้กันจนคุ้นหูแล้วใช่ไหมครับ
วันนี้เราจะมาเรียนรู้สำนวนนี้กันในภาษาอังกฤษกัน นั่นคือ
Money is no object. หรือ
Expense is no object.
ความหมายก็ประมาณว่า อะไรจะแพงแค่ไหนก็เหอะ...
ถ้าฉันอยากได้แล้วละก็ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ นั่นเอง...
ตัวอย่างเช่น
Show me your finest automobile. I want the best car. Money is no object.
ไหน โชว์รถคันที่เจ๋งหรือเยี่ยมยอดที่สุดของคุณมาซิ ฉันอยากได้รถที่เจ๋งที่สุดที่คุณมีอยู่.. เรื่องเงินเรื่องจิ๊บๆ ไม่มีปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว
อ้างอิงจาก bloggang.com
ตรงกับสำนวนไทยว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ (หรอกเพื่อน)
"Once in a blue moon" หรือ "Every once in a while"
สำนวนนี้หมายถึง นานๆ ที เช่น I go to Phuket once in a blue moon.
"What goes around, comes around."
อาจารย์อดัม บอกว่าสำนวนนี้ฝรั่ง(อเมริกัน) ใช้กันบ่อยทีเดียว ซึ่งมีความหมายว่า กงกรรมกงเกวียน
A big mouth จะใช้พูดถึงคนขี้นินทา ปากสว่างนั่นเอง อาทิ Don't tell anything with Tim, she has a big mouth.
นี่เธอ อย่าไปบอกเรื่องนุ้นี่นั่นกับยัยติ๋มหล่ะ ยัยนี่ปากสว่าง ตัวแม่เลยนะเธอ
He's got hook-ups!
หมายถึง (อ้ายนี้) มันเส้นใหญ่ หรือหมายถึงมีเส้นมีสาย รู้จักคนใหญ่คนโตนั่นเอง เอ๊..จะเกี่ยวกับรถซิวิค คันนั่นหรือปล่าวน้อ..
Toot your own horn!
เป่าแตรตัวเอง กันดีกว่า ..เอ๊ย..ไม่ใช่ๆ วลีนี้ตรงกับสำนวนไทยว่า ยกหางตัวเอง หรือประเภทยกยอปอปั้นตัวเอง นั่นเอง
Just a sec!
ก็ประมาณว่า รอแป๊บ หรือ รอเดี๋ยวนะ ซึ่งจะดูเป็นกันเองกว่าใช้วลีที่ว่า One moment please (รอซักครู่ค่ะ/ครับ)
Hit me up tomorrow!
โทรหา (ฉัน, กรู, ผม ดิฉัน ฯลฯ) ด้วย วันพรุ่งนี้ เห็นอาจารย์อดัมว่า ฝรั่งพูดบ่อยกันทีเดียว
สำนวนภาษาอังกฤษ An early bird VS A night owl
An early bird หมายถึงคนที่ชอบตื่นมาทำอะไรแต่เช้า เช่น มาทำงานแต่เช้า ถึงที่ทำงานแต่เช้า เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
I am an early bird and I like to arrive early at work every morning.
ฉันเป็นคนประเภทตื่นมาทำอะไรแต่เช้า และฉันชอบมาทำงานแต่เช้าทุกวัน
A night owl หมายถึง คนที่ชอบอยู่ทำนุ้น นี่ นั่น จนดึกๆ ดื่นๆ ตีหนึ่ง ตีสอง ตีสาม เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
Tom is a night owl and he loves to stay up late at night. He said he has more concentration at night time.
ทอมเป็นที่ชอบอยู่ดึกดื่น เค้าบอกว่าเค้ามีสมาธิมากในช่วงเวลากลางคืน
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อย A Lot, Lots Of, A Lot Of
A Lot, Lots Of, A Lot Of
ทั้งสามคำมีความหมายว่า มาก จำนวนมาก ปริมาณมาก และส่วนใหญ่นำมาใช้กับภาษาที่ไม่เป็นทางการ
หลักหรือวิธีการใช้มีดังนี้
Lots Of, A Lot Of
ทั้งสองวลีนี้จะมีการวางตำแหน่งไว้ก่อนหน้า คำนามนับได้ และคำนามนับไม่ได้ ซึ่งใช้กับภาษาอังกฤษในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ
ตัวอย่างเช่น
We need a lot of people for this game.
Prem has lots of foreign friends.
A Lot
แต่เราใช้ A Lot วางไว้ในตำแหน่งท้ายประโยคในฐานะ adverb และจะต้องไม่มีคำนามต่อท้าย
ตัวอย่างเช่น
I enjoy studying English language a lot.
They like Phuket a lot.
Bob seems to travel a lot.
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อย Two vs. To vs. too
Two vs. To vs. too ทู ทู ทู ทั้งสามคำออกเสียงเหมือนกัน หรือในภาษาไทยเรียกว่าคำพ้องเสียงนั้นเอง วันนี้เราจะมาพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่าง 3 คำดังนี้
Too หมายถึง อีกด้วย หรือ "also" นั่นเอง ซึ่ง Too มักวางไว้ในตอนท้ายของประโยค นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อชี้ถึงปริมาณ (สิ่งของหรืออื่น) ในจำนวนที่มากเกินไป
ยกตัวอย่างเช่น:
Besides English, I think we should learn Chinese language, too.
Mercedez Benz is too expensive for me!
-------------------------------------
Two เป็นตัวเขียนของเลข 2
ยกตัวอย่างเช่น:
I've just bought two round-trip tickets from Bangkok to Singapore.
Prem has two brothers and a sister.
-------------------------------------
ส่วนคำว่่าTo นั้น มักใช้ในฐานะคำบุพบท (preposition) และยังใช้ในฐานะเป็น infinitive form ของคำกริยา อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น:
I bought this car to fix up and sell.
I donated my own laptop to a poor student.
สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้ Money is no object.
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา...เรื่องเงินไม่มีปัญหาหรอก...
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้กันจนคุ้นหูแล้วใช่ไหมครับ
วันนี้เราจะมาเรียนรู้สำนวนนี้กันในภาษาอังกฤษกัน นั่นคือ
Money is no object. หรือ
Expense is no object.
ความหมายก็ประมาณว่า อะไรจะแพงแค่ไหนก็เหอะ...
ถ้าฉันอยากได้แล้วละก็ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ นั่นเอง...
ตัวอย่างเช่น
Show me your finest automobile. I want the best car. Money is no object.
ไหน โชว์รถคันที่เจ๋งหรือเยี่ยมยอดที่สุดของคุณมาซิ ฉันอยากได้รถที่เจ๋งที่สุดที่คุณมีอยู่.. เรื่องเงินเรื่องจิ๊บๆ ไม่มีปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว
อ้างอิงจาก bloggang.com