Powered By Blogger

23 สิงหาคม 2554

สํานวนภาษาอังกฤษโดนๆ คมๆของวัยรุ่น

                      สํานวนภาษาอังกฤษโดนๆ คมๆของวัยรุ่น

 It's been driving me nuts.
 (Nuts ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าสารพัดถั่ว แต่อย่างใด)

ประโยคนี้หมายถึง "ผม/ดิฉัน/ชั้น/(กรู) จะบ้าตายแล้วเนี่ยะ....ประสาทจะกินแล้ว"
เป็นต้น
"
สำนวน "ลืมไปเลย(อ่ะ)" ทั่วๆ ไปก็คงจะใช้ประโยคว่า I totally forget about it.
แต่วันนี้ขอแนะนำสำนวนเจ๋งๆไปใช้แทนประโยคธรรมดาๆ ข้างต้นนั้นก็คือ "Slipped my mind."

ตัวอย่างเช่น

Oh, I forgot to call my boyfriend that I couldn't come to see him this
evening since I was really busy all day. He'll be mad at me. It just slipped my mind.

ตายแล้ว..ฉันลืมโทรไปบอกแฟนชั้นว่าฉันไปเจอเค้าเย็นนี้ไม่ได้ เพราะชั้นงานยุ่งตลอดทั้งวันเลย..เค้าต้องโมโหฉันมากแน่ๆ เลย ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลยจริงๆ..
สำนวนภาษาอังกฤษ        "Get on someone case"

สำนวน    "อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน"    ไปแล้ว ซึ่งหนึ่งในวลีที่แนะนำไปก็คือ      Get off my case
สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำสำนวนตรงกันข้ามก็คือ

"Get on someone case"
ซึ่งหมายถึง การวิพากษ์ วิจารณ์ ตำหนิ ติเตียน ในปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น

My girlfriend will get on my case, if I don't show up on time.
แฟนสาวฉันจะอาละวาด (จัดการ หรือเล่นงาน) ฉันแน่ ถ้าฉันไปไม่ทันตามเวลานัด

My boss is getting on my case about the project.
เจ้านายฉันกำลังใส่ (กำลังวิพากษ์วิจารณ์/ตำหนิติเตียน) ฉันอยู่เกี่ยวกับโครงการนี้

I screwed up!     หรือจะใช้     I messed up!      ก็ได้
สำนวนนี้ใช้เวลาเราทำอะไรไม่เข้าท่า หรือทำอะไรผิดพลาดไป หรือทำให้เรื่องบางเรื่องหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นออกมาพังไม่เป็นท่า นั่นเอ



  หรือ  It's been driving me crazy. ก็ได้ครับ
สำนวนภาษาอังกฤษ "อย่ามายุ่งเรื่องของกู"
สำนวนภาษาอังกฤษที่เรานำมาใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการให้คนอื่นมายุ่งวุ่นวายเรื่องของเรา โดยที่เราไม่ต้องการก็คือ


            It is none of your business.
          ความ หมายก็ประมาณว่า เฮ้ย นี่ไม่ใช่ธุระกงการ อะไรของแก..อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน (เรื่องของ ก สระอู...) ได้ไหม..(ว่ะ) หรือ อย่ามา (ส สระ เอือ ก. ไก่) นั่นเอง
ส่วนอีกสำนวนหนึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นั่นคือ Get off my case.  (ประมาณว่า แก..อย่ามายุ่งเรื่องของฉ๊าน...ได้ไหม)


ซึ่งน้ำหนักจะเบากว่าประโยคแรกนิดนึง..อาจเอาไปใช้กับเพื่อนร่วมงาน หรือ คนสนิทได้.. แต่ประโยคแรกออกจะโหดๆ หน่อย..


สำนวนภาษาอังกฤษ "ขอฉ้าน...แจม ด้วยคน"
มีคนถามว่าจะพูดว่า นี่ๆ ฉันขอแจมงานนี้ หรือขอมีเอี่ยว (กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง)ด้วยคนได้ปล่าว.. จะพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร...
สำนวนง่ายๆ ก็คือ Count me in!
ถ้าแปลทื่อๆ ก็ นับฉันรวมด้วยคนซิ
ถ้าแปลแบบไทยๆ ก็ ขอชั้นแจมด้วยคน  ขอฉันมีเอี่ยวหน่อยน๊า...
เช่น


                      Who wanna go to Bird concert next month?
                      ใครอยากไปดูคอนเสิร์ตป๋าเบิร์ดบ้างจ้ะ เดือนหน้า


ตะโกนไปเลย
                        Count me in!...


                         ขอแจมด้วยคน .........................(โวีย ว่ะ นะครับ นะจ้ะ)


                          เลือกคำลงท้ายตามอัธยาศัยจ้า
สำนวนภาษาอังกฤษ "(ฉัน ผม กรู และอื่นๆ) ลืมไปเลย อ่ะ



Hang in there!
อย่ายอมแพ้ หรือ สู้ๆ ในภาษาไทยนั่นเอง
สำนวนตรงกันข้ามก็คือ Give up นั่นเอง


Mellow out! ใจเย็นๆ หรือ Calm down
ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป หรืออีกวลีหนึ่งก็ take a chill pill.


"chew out"
ประโยคตัวอย่างเช่น I just got chewed out! ผมเพิ่งโดน "ด่า" มา


"To jump on the bandwagon" ทำตามกระแส
เช่น Have you jumped on the iPhone 4 wagon yet? นี่เธอซื้อไอโฟน 4 แล้วหรือยัง..ซึ่งเป็นกระแสฮิตในขณะนี้นั่นเอง
"No sweat!" ก็คือ "No big deal"
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือ ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญอะไรเท่าไหร่
"Dream on!"
ฝัน(ลมๆ แล้งๆ) ต่อไป (เอาไว้พูดประชดใครบางคนที่ชอบเพ้อเจอก็ได้นะครับ)


"Get over it!"
ทำใจเห๊อะ (อาจเอาไว้ปลอบคนอกหักก็ได้)


"Never mind!"
ช่างมันเห๊อะ (ลืมๆ ไปซะ) อย่าไปคิดใส่ใจให้รก ขมอง เลย..


"Don't have a cow!"
 อย่าไปมีวัวเลย..อ่า ล้อเล่นครับ ล้อเล่น ความหมายจริงๆ คือ อย่าไปสติแตก ร้อนรน เกินเหตุ หรือในอีกวลีนึงก็คือ "Don't freak out!"


"Hang up" แขวนนวม
เช่น I won't hang up learning English. (ไม่มีวันที่ฉันจะยอมแพ้หรือเลิกเรียนภาษาอังกฤษร๊อก..)


Let's get some grub!
 ไปหาอะไรรองท้อง หรือไปหาอะไรกินกันดีกว่า


Let's go catch a flick!
ไปดูหนัง (ตามโรงหนัง) กันเหอะ


She's a fox!!!
หล่อนเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ (สวย) เอาไว้ใช้จีบสาวฝรั่งผมบลอนด์ได้เลยนะครับ


"is a drag" น่าเบื่อ เช่น Doing gardening on the weekend is a drag!
การที่ต้องมานั่งทำสวน ดายหญ้า ช่วงวันหยุดนี้มันช่างแสนน่าเบื่อเสียกระไร


Where's your pad? Pad นี่ไม่ได้เกี่ยวกั้บ iPad หรือ เบาะ แต่อย่างใด
 แต่ความหมายของคำถามนี้จริงๆ แล้วก็คือ แก เอ๊ย..คุณพักอยู่แถวไหน หรือที่พักคุณอยู่ที่ไหนนั่นเอง


Nuts! ปกติแล้วแปลว่าถั่ว        แต่ถ้าในรูปประโยค Are you nuts?
 จะหมายถึง เฮ้ย แกจะบ้าเหรอ? นี่เธอสติแตกไปแล้วเหรอ? (ที่จะทำบางสิ่งบางอย่างหลุดโลกไม่เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าทำกัน)


cheesy stuff! เรื่องน้ำเน่า อาทิเช่น Stop doing cheesy stuff now!. It's time to learn English ประมาณว่า
 เฮ้ยเลิกทำอะไร งี่เง่า ไร้สาระได้แล้ว ถึงเวลาเรียนภาษาอังกฤษแล้ว..
Nobody's perfect!!
ตรงกับสำนวนไทยว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ (หรอกเพื่อน)


"Once in a blue moon" หรือ "Every once in a while"
สำนวนนี้หมายถึง นานๆ ที เช่น I go to Phuket once in a blue moon.


"What goes around, comes around."
อาจารย์อดัม บอกว่าสำนวนนี้ฝรั่ง(อเมริกัน) ใช้กันบ่อยทีเดียว ซึ่งมีความหมายว่า กงกรรมกงเกวียน


A big mouth จะใช้พูดถึงคนขี้นินทา ปากสว่างนั่นเอง อาทิ Don't tell anything with Tim, she has a big mouth.
นี่เธอ อย่าไปบอกเรื่องนุ้นี่นั่นกับยัยติ๋มหล่ะ ยัยนี่ปากสว่าง ตัวแม่เลยนะเธอ


He's got hook-ups!
หมายถึง (อ้ายนี้) มันเส้นใหญ่ หรือหมายถึงมีเส้นมีสาย รู้จักคนใหญ่คนโตนั่นเอง เอ๊..จะเกี่ยวกับรถซิวิค คันนั่นหรือปล่าวน้อ..


Toot your own horn!
เป่าแตรตัวเอง กันดีกว่า ..เอ๊ย..ไม่ใช่ๆ วลีนี้ตรงกับสำนวนไทยว่า ยกหางตัวเอง หรือประเภทยกยอปอปั้นตัวเอง นั่นเอง


Just a sec!
ก็ประมาณว่า รอแป๊บ หรือ รอเดี๋ยวนะ ซึ่งจะดูเป็นกันเองกว่าใช้วลีที่ว่า One moment please (รอซักครู่ค่ะ/ครับ)


Hit me up tomorrow!
โทรหา (ฉัน, กรู, ผม ดิฉัน ฯลฯ) ด้วย วันพรุ่งนี้ เห็นอาจารย์อดัมว่า ฝรั่งพูดบ่อยกันทีเดียว


สำนวนภาษาอังกฤษ         An early bird     VS      A night owl


An early bird     หมายถึงคนที่ชอบตื่นมาทำอะไรแต่เช้า เช่น มาทำงานแต่เช้า ถึงที่ทำงานแต่เช้า เป็นต้น




ตัวอย่างเช่น


I am an early bird and I like to arrive early at work every morning.


ฉันเป็นคนประเภทตื่นมาทำอะไรแต่เช้า และฉันชอบมาทำงานแต่เช้าทุกวัน




A night owl หมายถึง คนที่ชอบอยู่ทำนุ้น นี่ นั่น จนดึกๆ ดื่นๆ ตีหนึ่ง ตีสอง ตีสาม เป็นต้น




ตัวอย่างเช่น


Tom is a night owl and he loves to stay up late at night. He said he has more concentration at night time.


ทอมเป็นที่ชอบอยู่ดึกดื่น เค้าบอกว่าเค้ามีสมาธิมากในช่วงเวลากลางคืน
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อย A Lot,  Lots Of,  A Lot Of




A Lot,  Lots Of,  A Lot Of


ทั้งสามคำมีความหมายว่า มาก จำนวนมาก ปริมาณมาก และส่วนใหญ่นำมาใช้กับภาษาที่ไม่เป็นทางการ






หลักหรือวิธีการใช้มีดังนี้


Lots Of,   A Lot Of
ทั้งสองวลีนี้จะมีการวางตำแหน่งไว้ก่อนหน้า คำนามนับได้ และคำนามนับไม่ได้ ซึ่งใช้กับภาษาอังกฤษในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ




ตัวอย่างเช่น


We need a lot of people for this game.


Prem has lots of foreign friends.


A Lot


แต่เราใช้ A Lot   วางไว้ในตำแหน่งท้ายประโยคในฐานะ adverb และจะต้องไม่มีคำนามต่อท้าย




ตัวอย่างเช่น


I enjoy studying English language a lot.


They like Phuket a lot.


Bob seems to travel a lot.


คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิดบ่อย Two vs. To vs. too




Two vs. To vs. too ทู ทู ทู ทั้งสามคำออกเสียงเหมือนกัน หรือในภาษาไทยเรียกว่าคำพ้องเสียงนั้นเอง วันนี้เราจะมาพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่าง 3 คำดังนี้




Too หมายถึง อีกด้วย หรือ "also" นั่นเอง ซึ่ง Too มักวางไว้ในตอนท้ายของประโยค นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อชี้ถึงปริมาณ (สิ่งของหรืออื่น) ในจำนวนที่มากเกินไป




ยกตัวอย่างเช่น:


Besides English, I think we should learn Chinese language, too.


Mercedez Benz is too expensive for me!


-------------------------------------


Two เป็นตัวเขียนของเลข 2




ยกตัวอย่างเช่น:


I've just bought two round-trip tickets from Bangkok to Singapore.


Prem has two brothers and a sister.


-------------------------------------


ส่วนคำว่่าTo นั้น มักใช้ในฐานะคำบุพบท (preposition) และยังใช้ในฐานะเป็น infinitive form ของคำกริยา อีกด้วย




ยกตัวอย่างเช่น:


I bought this car to fix up and sell.


I donated my own laptop to a poor student.


สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้              Money is no object.




                   เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา...เรื่องเงินไม่มีปัญหาหรอก...




หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้กันจนคุ้นหูแล้วใช่ไหมครับ




วันนี้เราจะมาเรียนรู้สำนวนนี้กันในภาษาอังกฤษกัน นั่นคือ




                                         Money is no object.   หรือ




                                               Expense is no object.


                                          ความหมายก็ประมาณว่า อะไรจะแพงแค่ไหนก็เหอะ...


                                           ถ้าฉันอยากได้แล้วละก็ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ นั่นเอง...




ตัวอย่างเช่น


Show me your finest automobile. I want the best car. Money is no object.




ไหน โชว์รถคันที่เจ๋งหรือเยี่ยมยอดที่สุดของคุณมาซิ ฉันอยากได้รถที่เจ๋งที่สุดที่คุณมีอยู่.. เรื่องเงินเรื่องจิ๊บๆ ไม่มีปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว

  อ้างอิงจาก  bloggang.com

สํานวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์

                  ก่อนอื่นเราต้องมาดูปัจจัยที่ทำให้เกิดความคล้ายคลึงกันในการนำสัตว์มาเปรียบในสำนวน และคำสอนใจของอังกฤษและไทยกัน
ธรรมชาติของสัตว์  จะมีลักษณะเป็นสากล ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด  ฉะนั้นมนุษย์อย่างเราๆ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตามจะมีความคิดตรงกันเกี่ยวกับธรรมชาติ  อุปนิสัยใจคอ  และวิธีการดำรงชีวิตของสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า  คุณสมบัติข้อนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความคล้ายคลึงกันในการนำสัตว์ต่างๆมาเปรียบในสำนวนและคำสอนใจของชนชาติต่างๆ
                  ธรรมชาติของหนูก็กลัวแมว หนูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เป็นลักษณะที่เด่นเป็นสากล  ที่ทุกคนทุกชาติทุกภาษาต่างสังเกตเห็นและยอมรับเป็นเสียงเดียวกันไปแล้วว่า หนูกลัวแมว



                  ในภาษาอังกฤษก็มีภาษิตขึ้นเหมือนกันว่า
     
"When the cat is away, the mice will / do play."
ซึ่งมีความหมายตรงกับสำนวนไทยว่า "แมวไม่อยู่หนูละเลิง" (เอิ๊กๆ เป็นบ่อยหล่ะสิ Grammarman)
หมายถึง ผู้ใหญ่ไม่อยู่ ผู้น้อยก็คึกคะนอง เล่นกันอย่างสนุกสนาน
เทียบได้อีกกับสำนวนที่ว่า

"Play cat and mouse (with ....)"  มีความหมายว่า "เป็นหนูกับแมว"
หมายถึง เกรงกลัวมาก
ธรรมชาติของสุนัขก็คือหวงของใช่มิ มันจะไม่ยอมให้สุนัขตัวอื่นมาเอาของตัวเองไป นี่ก็เป็นลักษณะเด่นที่เป็นสากลเช่นกัน
ตรงกับสำนวนอังกฤษที่ว่า

" A dog in the manger"

 มีความหมายตรงกับสำนวนไทยว่า "หมาหวงก้าง"
หมายถึง คนที่เห็นแก่ตัว หวงของ ไม่ยอมให้สิ่งของแก่ผู้อื่น อยากจะได้ไว้คนเดียว
หรือธรรมชาติของสุนัขที่เห่าเก่งมักจะไม่กัด ในภาษาอังกฤษมีภาษิตว่า

"Barking dogs seldom bite."
ซึ่งมีความหมายตรงกับคำพังเพยในภาษาไทยที่ว่า "หมาเห่าไม่กัด"
หมายถึง  คนที่พูดอวดแสดงว่าเก่งกล้า หรือจะสู้เอาจริง แต่กลับไม่สู้ หรือไม่เอาจริง



มาถึงเรื่องลิงกันบ้าง

ลิงเนี่ยก็เป็นสัตว์ที่ซุกซน ไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง มักกระโดดโลดเต้นไปมา ซนยังกะลิง มีใครเคยโดนว่าแบบนี้รึเปล่า แต่ Grammarman มิเคยนะ อิอิ  ชนทุกชาติทุกภาษาต่างก็สังเกตและเห็นพ้องต้องกันอย่างที่กล่าวมาแล้วนั่นแหละ
และก็มีสำนวนภาษาอังกฤษอีกนั่นแหละ

เฉลยละกัน ตรงกับสำนวนที่ว่า

"Be more trouble than a cartload of monkeys"

ห้วย! ใครจะไปรู้หล่ะ ประโยคยาวและยากขนาดนี้หมีที่ไหนมันจะไปรู้
แต่เราคนนะ เหอๆ
Grammarman จะบอกให้ เมื่อเห็นสำนวนแปลกๆที่ไหน จดไว้ในสมองหลายๆครั้ง มันจะไม่หลุดหายไปไหน ถ้าเราไม่ลบมัน จริงมั๊ย

เอาน่า เดี๋ยวได้เจอสำนวนเด็ดๆอีกเยอะก็เดาให้ถูกขำเล่นๆละกัน อย่าคิดมากเดี๋ยวอีกหน่อยก็จำได้เองเชื่อเหอะ ถ้าเข้ามาอ่านบล็อคของ Grammarman บ่อยๆ เหอๆ ไม่ค่อยจะโฆษณาตัวเองเล๊ย!!

ต่อๆ เมื่อกี้ถึง "Be more trouble than a cartload of monkeys" แล้วใช่มิ

มันก็ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า "ทำลิงทำค่าง"
หมายถึง ก่อความวุ่นว่ายอย่างมากมาย มักจะใช้กับเด็กๆที่ซุกซนเหมือนลิงเหมือนค่าง และไม่เรียบร้อยเล็กน้อยถึงปานกลางถึงมากที่สุด

เสือก็ชอบโดนเอามาเปรียบกะเค้าอยู่เรื่อย
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เสือเป็นสัตว์ที่ดุร้าย  น่ากลัว คนที่ถูกนำมาเปรียบกับเสือจึงเป็นคนที่ดุร้าย  น่ากลัว แถมยังใจกล้า ไม่เกรงกลัวใคร

ในภาษาอังกฤษก็มีสำนวนกับเค้าอีกเหมือนกัน

"Fight like tiger"

หมายถึง สู้อย่างดุเดือด สู้อย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดหรือผู้ใด

ในภาษาไทยก็มีสำนวนหลายสำนวนที่เอาความดุร้ายน่ากลัวของเสือมาเปรียบเปรยอีก
เช่น
สำนวน "ใจสู้เสือ" หมายถึง ทำใจให้เป็นปรกติ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัว
หรือสำนวน "เขียนเสือให้วัวกลัว"  หมายถึง ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงกลัว

  งูส่วนใหญ่เป็นงูพิษ บางชนิดมีพิษร้ายแรงมาก คนที่ถูกกัดถ้ารักษาไม่ทันก็จะถึงแก่ความตายทันที่ ชนชาติต่างๆจึงมีความรู้สึกเหมือนกันว่า

งู เป็นสัตว์ที่เป็นอันตราย

ก็มีสำนวนอีกแล้วเจ้าข้าเอ๊ย

"A snake in the grass"

หมายถึง อันตรายที่มองไม่เห็น หรือศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูที่แสร้งทำเป็นมิตร

อีกสำนวน

"Nourish a snake in one's bosom"

หมายถึง  ทำดีกับคนที่ไม่รู้จักคุณคน  มิหนำซ้ำยังหวนกลับมาทำร้ายเสียอีก

ในภาษาไทยก็มีความหมายเช่นกัน คือ "ตีงีให้หลังหัก" เปรียบงูเหมือนศัตรู
หมายความว่า กระทำกับศัตรูอย่างไม่เด็ดขาดจริงจัง ย่อมจะได้รับผลร้ายแก่ตนในภายหลัง  เพราะศัตรูอาจจะวกกลับมาทำร้ายเอาได้

 เห็นมั๊ยคะสำนวนและภาษิตของไทยและต่างประเทศมีมากมายเหลือเกินนี่แค่เกริ่นๆยังยาวขนาดนี้
ของจริงจะยาวขนาดไหนเชียว ไม่ขอพูด

Grammarman อยากให้ผู้อ่านศึกษาสำนวนแปลกๆเอาไว้มากๆ ยังมีอีกหลายสำนวนเลยนะที่มีความหมายที่แตกต่าง แบบไม่ต้องเอามาแปลเลย เพราะแปลยังไงก็แปลไม่ตรงกับความหมายมันดอก

บอกให้บ่อเจื้อ

ว่างๆอยากให้ลองเอาสำนวนอังกฤษมาแปลเล่นดูนะ จากนั้นพยายามเปิดหาความหมายที่มีอยู่ในตำรา หรือ พจนานุกรม idioms & slangs ไม่แน่คุณอาจจะผิดโดยไม่คาดคิดก็ได้

อ้างอิงจาก http://pdfforge.mybrowserbar.com/cgi/errors.cgi?q=http://info.muslimthaipost.com/main/index.php%3fpage%3dsub%26category%3d26%26id%3d18246&type=dns&ISN=DE3C899CA9824B22964130F263B1843D&ccv=131&cnid=302398&cco=US&ct=1

ที่มาของรูปสํานวนภาษาอังกฤษ

an ass in a lion's skin คนขี้ขลาดตาขาวที่คุยโต
ความหมายตามรูปศัพท์ ลาที่หุ้มกายใต้หนังราชสีห์ บางครั้งจึงใช้ donkey in a lion's hide
a bull in china shop คนมุทะลุ ขาดความรอบคอบ
ความหมายตามรูปศัพท์ กระทิงเปลี่ยวในร้านขายเครื่องลายคราม

 cat's paw คนที่ตกเป็นเครื่องมือ
ความหมายตามรูปศัพท์ อุ้งเท้าเเมว
*ที่มาจากนิทานอีสปเรื่อง ลิงกับเเมว เล่าไว้ว่า ลิงเจ้าเล่ห์หลอกใช้ให้เเมวเก็นเกาลัดในกองไฟ ในที่สุดอุ้งเท้าเเมวก็ถูกไฟลวก
ในขณะที่ลิงก็เอาเกาลัดไปกินจนหมด

 let the cat out of the bag เผลอเปิดเผยความลับ
ความหมายตามรูปศัพท์ ปล่อยเเมวออกจากกระเป๋า
*ที่มาจากการค้าเเถมตะวันตก ที่มีพ่อค้าเอาเเมวใส่ถุงไปหลอกขายว่าเป็นหมู เเต่ลูกค้าก็ขอให้พ่อค้าเปิดกระเป๋าเสียก่อน
to rain cats and dogs ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา
ความหมายตามรูปศัพท์ ฝนตกเหมือนหมากับเเมวทะเลาะกัน

 a dog in the manger หมาหวงก้าง
ความหมายตามรูปศัพท์ สุนัขในรางหญ้า
*ที่มาจากนิทานอีสป เล่าไว้ว่า สุนัขตัวหนึ่งมักนอนในรางหญ้า ตัวมันเองไม่เคยคิดจะกินหญ้านั้น เเต่ก็ไม่ยอมให้ม้าเฉียดเข้ามากิน

 to run with the hare and hunt with the hounds นก2หัว ตี2หน้า
ความหมายตามรูปศัพท์ วิ่งไปกับกระต่ายป่า เเต่กลับออกล่าเหยื่อกับหมาล่าเนื้อ

 look a gift horse in the mouth ติของที่ผู้อื่นให้
ความหมายตามรูปศัพท์ สำรวจปากม้าที่ผู้อื่นให้เป็นของขวัญ
*ในสมัยโบราณผู้คนนิยมส่งม้าเป็นของขวัญให้กัน เเต่เมื่อได้รับม้า ก็ต้องอ้าปากม้าเพื่อนับฟัน จะได้คำนวณอายุได้ถูกต้อง)

 straight from the horse's mouth ข่าวกรอง
ความหมายตามรูปศัพท์ ได้รับจากปากม้าโดยตรง
*มีที่มาจากการเเข่งม้าในสมัยโบราณ เป็นการอวดอ้างอย่างมั่นใจของคนที่คอบบอกข่าวเเก่นักพนันม้า

 the lion's share ส่วนเเบ่งก้อนโต
ความหมายตามรูปศัพท์ ส่วนเเบ่งของสิงโต (story)

 a pig in a poke ซื้อของโดยไม่เห็นสินค้า
ความหมายตามรูปศัพท์ หมูในถุงย่าม
*มีที่มาเช่นเดียวกับสำนวน let the cat out of the bag

 the black sheep เเกะดำ
ความหมายตามรูปศัพท์ เเกะสีดำ
**สำนวนนี้มักใช้เปรียบกะบคนที่นำความเสื่อมเสียมาสู้ครอบครัวหรือหมู่คณะ




to seperate the sheep from the goats รู้จักเเยกเเยะดีชั่ว
ความหมายตามรูปศัพท์ เเยกเเกะจากแพะ
*มีที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล ที่กล่าวถึงวันพิพากษาโลกว่าคนดีจะได้ไปสู่สวรรค์ ส่วนคนชั่วจะถูกส่งลงนรก
โดยคำว่าเเกะจะหมายถึงสิ่งดี ในขณะที่เเพะจะหมายถึงสิ่งที่ชั่วร้าย

21 สิงหาคม 2554

Idiom สำนวนและสุภาษิต

                                        สุภาษิตภาษาอังกฤษ-สุภาษิตภาษาไทย
1. An accident  is due to lack of proper care. =  อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นจากการขาดความระมัดระวัง
2. Don’t charge your memory with  too many facts = อย่าใช้สมองจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากจนเกินไป
3. A   mad  man is not responsible  for his actions. =  คนบ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา
4. It’s a sad house where the hen crows louder than the cock. =  สามีเป็นช้างเท้าหน้า  ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
5. Marriage is an expensive luxury. = การแต่งงานเป็นของฟุ่มเฟือยที่แสนแพง
6. Fools build house; wise men buy them. = คนโง่สร้างบ้านอยู่  คนฉลาดซื้อบ้านสร้างเสร็จอยู่
7. Keep  something for a rainy day. = กินน้ำเผื่อแล้ว
8. There is no fool like an old fool. =ไม่มีใครโง่เกินคนแก่โง่

9. Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.

10. Facts are stubborn things.    =  ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย

11. It  is a foolish sheep  that makes.   The wolf  his confessor. =   อย่าชี้โพรงให้กระรอก

12. Brave actiuons never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ  ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้

13. Good manners are part and parcel of a good education. = กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย  เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี

14. A bad workman always blames his tool. = รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

15. Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก

16. Fine features make fine birds. = ไก่งามเพราะขน  คนงามเพราะแต่ง

17. Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ

18. Big fish eat little fish. = ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

19. Guardianship has many responsibillitie. = การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก

20. A friend in need is a friend indeed = เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก

21. Birds of a feather flock together = คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
22. Actions speak louder than words =  ทำดีกว่าพูด
23. A bird in head is worth two in the bush = สิบเบี้ยใกล้มือ
24. A rolling stone gathers no moss =  รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
25. Absence makes the heart grow fonder =  ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน

26. Make hay while the sun shines =  น้ำขึ้นให้รีบตัก

27. He laughs best who laughs last =  หัวเราะทีหลังดังกว่า
28. Listeners hear no good of themselves = นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
29. It is never too late to mend =  ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
30. Still water runs deep = น้ำนิ่งไหลลึก
31. Good cloths open all doors. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

32. Overtly agree but coertly oppose = ปากว่าตาขยิบ หรือพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง

33.  Cry for the Moon = กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงหนุ่มหมายปองสาวที่มีฐานะดีกว่า

34.  Apple of sodom =สวยแต่รูป จูบไม่หอม  งามภายนอกแต่ใจแย่ไง

35. When misfortune reaches the limit, good fortune is at hand = ต้นร้ายปลายดี  เริ่มต้นไม่ดีแต่ไปดีเอาตอนหลัง

36. Between the devil and the deep blue sea = หนีเสือปะจรเข้

37. Be caught red-handed = จับได้คาหนังคาเขา

38. To take for a needle in a haystack = งมเข็มในมหาสมุทร

39. To eat one's cake and have it too = จับปลาสองมือ

40. To take something with a pinch of salt = ฟังหูไว้หู  ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ

41. As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

42. Cannot make head or tail of = จับต้นชนปลายไม่ถูก

43. You can not teach old dogs new tricks. = เราไม่สามารถสอนกลเม็ดใหม่ๆ ให้สุนัขแก่ได้....

หรือ ไม้แก่ดัดยากนั่นเอง...

44. Where there is a will, there is a way = ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

45. Look before you leap  = จงดูให้ดีก่อนื้จะกระโดด หมายถึง คิดให้ดี รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร

46. Prevention is better than cure = กันไว้ดีกว่าแก้

47. Do as Romans do when you are in Rome = จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรม....

หรือ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

48. Joy and sorrow are as near as today and tomorrow. = ความสุขกับความทุกข์อยู่ใกล้กันเหมือนวันนี้กับวันพรุ่งนี้

49. He who has never tasted bitterness does not know what is sweet = ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น

จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร

50. One who lives in a glasshouse should not throw stones. = เมื่ออยู่ในเรือนกระจกไม่ควรขว้างก้อนหิน หมายถึงเมื่ออยู่ในที่ๆ เสีบเปรียบก็อย่าหาเรื่องผู้อื่น

51."Time and tide wait for no man" = เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใคร

52. Everyone thinks his own burden the heaviest. =  ทุกคนมักคิดว่าภาระของตนหนักกว่าของผู้อื่นเสมอ

53. No one is too old to learn = ไม่มีใครแก่เกินเรียน

54. Reading makes a full man. = การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์

55. All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ
56. Be quick to hear and slow to speak.= ฟังให้เร็ว แต่พูดให้ช้า
57. Live to learn to live. = จงอยู่เพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต

58. Brave actions never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ

59. Words once spoken cannot be altered. = คำพูดที่กล่าวไปแล้ว ย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้

60. Though strength fails, boldness is praiseworthy. = ถึงแม้ว่ากระทำสิ่งใดยังไม่เป็นผลสำเร็จ แต่การที่ได้กล้าทำนั้นควรได้รับการยกย่อง

61. No one is harmed by thinking. =การไตร่ตรองยั้งคิด ไม่เคยทำอันตรายใคร

62. Order will render the work facile. = ความมีระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น

63. Every obstacle is surmountable. = อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ

64. Health is wealth. = ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

65.What can't be cured must be endured. =เมื่อสิ่งใดหมดทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ต้องยอมรับและทนในสิ่งนั้น

66. Peace begins where ambition ends. =ความสงบจะเริ่มขึ้น ณ ที่ซึ่งความเห่อเหิม ทะเยอทะยานได้สิ้นสุดลงแล้ว

67. Trial and error is  the source of our knowledge. =เมื่อได้ทดลองทำสิ่งใดๆ แล้วผิดพลาด นั่นคือข้อมูลแห่งความรู้ของเราเอง

68. Happyness belong to the contented. =บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ

69.Don't shrink any task because of its arduousness. =อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก

70.The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood.= ลิ้นเหมือนมีดคม สามารถฆ่าได้โดยไม่มีเลือดตก


  อ้างอิงจาก  http://www.thaigoodview.com/node/16648